ในช่วงหน้าฝน น้ำท่วมขัง เรามักต้องเผชิญกับโรคมากๆที่แพร่ระบาดในช่วงนี้ “โรคไข้ดิน” เป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถพบได้มากในช่วงที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งโรคไข้ดินมีอาการอย่างไร ติดเชื้อได้จากไหนบ้าง รวมถึงวิธีป้องกันตัวเองให้ห่างไกลโรคต้องทำอย่างไร เราจะพาไปทำความรู้จักโรคนี้กัน
ทำความรู้จักโรคไข้ดิน
โรคไข้ดิน หรือโรคเมลิออยด์ (Melioidosis) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei ที่พบได้ทั่วไปในดิน น้ำ เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายได้จากการสัมผัสน้ำหรือดินที่มีเชื้อปนเปื้อน ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ และการสูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อ 1 – 21 วัน จะมีอาการป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน พบมากในฤดูฝน
การติดเชื้อโรคไข้ดิน
ตัวเชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ได้แก่ ผ่านทางผิวหนัง เช่น หากมีบาดแผลและเดินบนดินหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดได้ หากรับเชื้อผ่านทางน้ำลาย เช่น การรับประทาน จะทำให้ติดเชื้อที่ต่อมน้ำลาย ผ่านทางลมหายใจ กรณีที่มีการฟุ้งของฝุ่นหรือดินที่มีเชื้ออยู่และสูดดมเข้าไป ก่อให้เกิดการติดเชื้อที่ปอด จะส่งผลให้เกิดอาการปอดอักเสบ
อาการของโรค
อาการของโรคไข้ดิน แบ่งเป็นหลายกลุ่ม ดังนี้
- การติดเชื้อที่ปอดชนิดเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการคล้ายปอดติดเชื้อชนิดอื่นทั่วไป ได้แก่ ไข้ไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก
- การติดเชื้อที่ปอดชนิดเรื้อรัง ซึ่งคล้ายกับวัณโรค ทำให้มีไข้ ไอต่อเนื่องหลายสัปดาห์
- การติดเชื้อที่ผิวหนัง เป็นตุ่ม เป็นหนอง ฝี
- การติดเชื้อในกระแสเลือด มีความรุนแรง ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความดันตก และเสียชีวิตได้
- การติดเชื้ออวัยวะภายในร่างกาย เป็นฝีหนองที่ม้าม ตับ ต่อมลูกหมาก เป็นต้น
การรักษา
แพทย์จะรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ (ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย) ซึ่งระยะเวลาในการให้ยาอาจยาวนานออกไป ขึ้นกับความรุนแรงของเชื้อที่ได้รับและการกำจัดเชื้อ เช่น สามารถระบายหนองออกได้หมดหรือไม่
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำ หรือดิน ในขณะที่มีแผลที่ผิวหนัง
- ควรใส่ถุงมือ หรือบูทสูง หรือล้างด้วยน้ำเปล่าทันทีหลังสัมผัส
- ควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง
โรคไข้ดิน เป็นโรคที่สัมผัสเชื้อจากดินและน้ำ พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝนมีน้ำขังท่วม มีอาการและความรุนแรงที่หลากหลายขึ้นอยู่ว่าติดเชื้อจากทางไหนของร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาอาจเสียชีวิตได้ หากมีปัจจัยเสี่ยงและมีไข้ที่ไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรคทันที